ยาแผนโบราณคือยาอะไร มาดูกันเลย
ยาแผนโบราณ หรือ ยาพื้นบ้าน, ยาสมุนไพร, ยาผีบอก (Traditional drug) หมายถึง ยาที่มุ่ง หมายสําหรับใช้ในการประกอบ โรคศิลปะแผนโบราณ หรือการบําบัดโรคสัตว์ ซึ่งอยู่ในตําราแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศ หรือยาที่รัฐมนตรีประกาศเป็นยาแผนโบราณ หรือยาที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนตํารับยาเป็นแผนโบราณ หรือคือการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ โดยอาศัยความรู้จากตําราหรือการเรียนสืบต่อกันมา อันมิใช่การศึกษาตามหลักวิทยาศาสตร์
ประเทศไทยห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตผลิตยา ขาย หรือนำเข้ายาแผนโบราณ นอกสถานที่ที่ได้กำหนดไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่เป็นการขายส่งตรงต่อผู้รับอนุญาตขายยาแผนโบราณ
รูปแบบของยาแผนโบราณ
ยาแผนโบราณ เป็นการนำเอาสมุนไพร (จากพฤกษชาติ สัตว์ หรือแร่) มาผสม ปรุง หรือแปรสภาพ สมุนไพรที่ถูกแปรรูปเป็นยาแผนโบราณจะมีทั้งที่อยู่ในรูปยาน้ำ ยาเม็ด หรือแคปซูล ที่เห็นกันเจนตาคือ อยู่ในรูปของยาลูกกลอนและยาผง
ประเภทของยาแผนโบราณ
ประเภทของยาแผนโบราณ ได้แก่
ก. ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ได้แก่ ตำรับยาแผนโบราณที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศว่าเป็นยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ซึ่งจะมี ชื่อ ส่วนประกอบ วิธีทำ สรรพคุณ ขนาดรับประทาน คำเตือน และขนาดบรรจุ เช่น ยาประสะกระเพรา ยาวิสัมพยาใหญ่ ยาแสงหมึก ยาประสะกานพลู ฯลฯ
ข. ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ตำรับยาแผนไทยและสมุนไพรที่มีการพัฒนาที่ทางคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้คัดเลือกยาแผนไทยและสมุนไพรที่มีข้อมูลการใช้ หรือมีข้อมูลงานวิจัยสนับสนุน ได้แก่ ยาประสะมะแว้ง ยาแก้ไข้ (ยาห้าราก) ยาประสะไพล ขมิ้นชัน ชุมเห็ดเทศ ฟ้าทะลายโจร พญายอ และไพล
ค. ยาสมุนไพรที่ไม่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ สมุนไพรที่มีการวิจัยแล้วว่าให้ผลในการรักษาและมีความปลอดภัย พร้อมที่จะพัฒนาไปเป็นแผนโบราณ

ปัญหายาแผนโบราณที่พบในปัจจุบัน
แม้ว่าจะมีกฎหมายและหน่วยงานที่คอยควบคุมการผลิตและการขายยาแผนโบราณเพื่อคุ้มครองให้ผู้บริโภคปลอดภัยจากการใช้ยาแผนโบราณ แต่ก็ไม่สามารถที่จะขจัดปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้ขออนุญาตผลิตและขายจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด การขายยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนหรือยาปลอม
อันตรายจากการรับประทานยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนหรือยาปลอม
ในปัจจุบันพบว่า มียาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนหรือยาปลอม ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ เช่น มีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค หรือการนำสารเคมีที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริ โภคมาใส่ในยาแผนโบราณ เช่น
- เมธิลแอลกฮอล์ (Methyl-alcohol) ใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมทำเฟอร์นิเจอร์เช่น สีทาไม้, น้ำมันเคลือบเงา ฯลฯ
- คลอโรฟอร์ม (Chloroform) ใช้เป็นตัวทำละลายสารโพลีคาร์บอเนตและอื่นๆ
การใส่ยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน เช่น อินโดเมทาซิน (Indomethazine) หรือแม้แต่การนำยาเฟนิลบิวตาโซน (Phenylbutazone) ซึ่งทั้ง 2 ชนิดเป็นยาแก้ปวด แต่ระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร - และสเตียรอยด์ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษซึ่งมีผลข้างเคียงสูง ผสมลงในยาแผนโบราณเพื่อให้เกิดผลในการรักษาที่รวดเร็ว แต่จะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคคือทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และ โรคกระเพาะอาหารอักเสบได้ เป็นต้น
วิธีเลือกซื้อยาแผนโบราณ
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยาแผนโบราณ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้แนะนำวิธีการเลือกซื้อยาแผนโบราณ ดังนี้
- ควรซื้อยาแผนโบราณจากร้านขายยาที่มีใบอนุญาตและที่มีเลขทะเบียนตำรับยา
- ไม่ควรซื้อยาแผนโบราณจากรถเร่ขาย เพราะอาจได้รับยาที่ผลิตขึ้นโดยผู้ผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในระหว่างการผลิต อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริ โภคได้
- ก่อนซื้อยาแผนโบราณ ควรตรวจดูฉลากยาทุกครั้งว่า มีข้อความดังกล่าวนี้หรือไม่
- ชื่อยา
- เลขที่หรือรหัสใบสำคัญการขึ้นทะเบียนยา
- ปริมาณของยาที่บรรจุ
- เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต
- ชื่อผู้ผลิตและจังหวัดที่ตั้งสถานที่ผลิตยา
- วัน เดือน ปี ที่ผลิตยา
- มีคำว่า “ยาแผนโบราณ” ให้เห็นได้ชัดเจน
- มีคำว่า “ยาใช้ภายนอก” หรือ “ยาใช้เฉพาะที่” แล้วแต่กรณีด้วยอักษรสีแดงเห็นได้ชัดเจน ในกรณีเป็นยาใช้ภายนอก หรือยาใช้เฉพาะที่
- มีคำว่า “ยาสามัญประจำบ้าน” ในกรณีเป็นยาสามัญประจำบ้าน
- คำว่า “ยาสำหรับสัตว์” ในกรณีเป็นยาสำหรับสัตว์
ยาแผนโบราณนั้นสามารถใช้รักษาโรคทั่วไปที่ไม่ร้ายแรง เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ร้อนใน ฯลฯ และการรักษาอาการพื้นฐานที่ไม่รุนแรง ไม่เรื้อรัง เช่น ท้องเสีย/ท้องร่วง ปวดหัว/ปวดศีรษะ ตัวร้อน /เป็นไข้ ผื่นคัน เป็นต้น